วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Negima


คุณครูจอมเวท เนกิมะ! (Negima)

เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นแนวผจญภัยแต่งเรื่องและวาดภาพโดยเคน อาคามัตสึ มีเนื้อหาเกี่ยวกับพ่อมดอายุ 10 ปีชื่อ เนกิ สปริงฟิลด์ ซึ่งถูกส่งไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนสตรีแห่งหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่น
ปัจจุบันกำลังถูกตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นแม็กกาซีนรายสัปดาห์ในประเทศญี่ปุ่น และในนิตยสาร KC WEEKLY ในประเทศไทย ภาพยนตร์การ์ตูนสำหรับแพร่ภาพทางโทรทัศน์ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2547 โดยบริษัท XEBEC และนำออกแพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์ทีวโตเกียวในช่วงครึ่งปีแรกของ พ.ศ. 2548 นอกจากนี้ยังมีวิดีโอเกมสำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน 2ภายใต้ชื่อเดียว กันอยู่สองเกม และสำหรับเครื่องเกมบอย แอดวานซ์อีกสองเกม


ภาคเปิดตัว
ช่างแรกนั้นเป็นการเกรินนำถึง เนกิ สปริงฟิลด์ พ่อมดอัจฉริยะเชื้อสายเวลส์ซึ่งอายุสิบปีที่เพิ่งจบการศึกษาจากโรงเรียนเวทมนตร์ เนื่องจากได้รับคำสั่งเพื่อเป็นทางผ่านไปสู่จอมทเวทที่สูงส่ง (magister magi) ให้ได้ โดยถูกส่งไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษของโรงเรียนสตรีระดับมัธยมต้นมาโฮระ นอกจากเนกิจะต้องดูแลนักเรียนหญิง 31 คน ที่อายุมากกว่าและไม่ได้เคราพเขาอย่างอาจารย์ ทั้งนี้ยังต้องฝึกปรือเวทมนตร์ของตัวเองเพื่อเป็นพ่อมดผู้เก่งกาจตามรอยของ นากิ สปริงฟิลด์หรือ thousand master บิดาผู้หายสาปสูญไคลเม๊กซ์ อุปสรรคแรกที่เนกิพบคือ คากุระซากะ อาซึนะ นักเรียนประจำชั้น3-A เลขที่ 8 ที่จงเกลียดจนชังเนกิเอามากๆ เนื่องจากเขามาแทนที่อาจารย์ทาคาฮาตะ คุณครูที่ปรึกษาคนเดิมที่เธอแอบชอบอยู่
สถานการณ์ของเนกิเลวร้ายลงไปอีกเมื่ออาซึนะเห็นเขาใช้เวทมนตร์ช่วยมิยาซากิ โนโดกะที่กำลังล้มตกบันได ด้วยความกลัวว่าฐานะของตนจะถูกเปิดเผย และสิ่งที่คากุระซากะ อาซึนะตกใจเอามากคือปู่ของโคโนเอะ โคโนกะ (โคโนเอม่อน โคโนเอะ) ป็นผู้อำนวยการโรงเรียนมาโฮระ ให้เนกิอาศัยอยู่ห้องเดียวกันกับโคโนเอะ โคโนกะผู้เป็นหลานสาว และอาซึนะในส่วนเริ่มแรกนั้นเป็นการกล่าวถึงการกระทำโดยรวมของรักเรียนและปูมพื้นหลังให้กับเรื่องเพื่อให้สามารถเข้าใจในตอนต่อๆไปได้เป็นอย่างดี และยังมีตัวละครมากมายเพื่อแบ่งและจัดสรรด้วยความสามารถของผู้เขียนได้เป็นอย่างดี
ภาคเริ่มต้นปัญหา
การยุติข้อพิพาทแย่งสนามกีฬาระหว่างนักเรียนประจำชั้นกับสมาชิกชมรมดอด์จบอล และการติวเข้มนักเรียนที่มีคะแนนห่วยที่สุดของห้องเพื่อไม่ให้ห้องประจำชั้นของเขาเป็นที่โหล่ในชั้นปี เป็นต้น แม้ว่าเนกิสามารถแก้สถานการณ์ต่างๆ ได้ดี แต่เขาก็ไม่ประสบความสำเร็จในการทำให้นักเรียนเคารพยำเกรงเขาเหมือนอาจารย์ เหตุผลหลักคือเนกิมีอายุน้อยกว่านักเรียนในความปกครองถึงห้าปี จึงถูกมองว่าเป็นเด็กผู้ชายที่น่ารักน่าเอ็นดูมากกว่าน่าเคารพ ด้วยเหตุนี้เนกิจึงถูกนักเรียนหยอกและแกล้งอยู่บ่อยๆ อย่างไรก็ดีเนกิเป็นขวัญใจของนักเรียนในห้องทุกคน มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่แสดงความรักความเอ็นดูที่มีต่อเนกิเป็นพิเศษ เช่น ยูกิฮิโระ อายากะ, ซาซากิ มากิเอะ, มิยาซากิ โนโดกะ เป็นต้น
ภาค เอวาเจลีน
เมื่อ เอวานเจลีน เอ. เค. แม็คโดเวลล์ (เอวานเจลีน อาทาเนเซีย แคทเธอรีน แม็คโดเวลล์) แวมไพร์ซึ่งถูกนากิพ่อของเนกิสาปขังให้อยู่ในโรงเรียนมาโฮระเป็นเวลากว่าสิบห้าปี รู้ว่าเนกิจะมาเป็นครูในโรงเรียนมาโฮระ เธอก็วางแผนที่จะระบายความแค้นจากนากิ กับเนกิในทันที แม้ว่าพลังเวทมนตร์ของเอวานเจลีน จะถูกคำสาบแขตแดนจำกัดให้อยู่ได้แต่ในโรงเรียน แต่เธอก็สามารถเอาชนะเนกิได้อย่างง่ายดาย ด้วยความช่วยเหลือของ คาราคุริ ชาช่ามารุ ผู้เป็นหุ่นยนต์ซึ่งผู้ที่สร้าง ชาช่ามารุ คือ ฮาคาเซะ ซาโตมิ เพื่อด้วยเทคโนโลยีนี้ แต่คุณคามก (คาโม) ได้เสนอชื่อ คากุระซากะ อาซึนะ ทำพันธสัญญา หรือบัคดิโอ พันธสัญญาชั่วคราวกับเนกิ เพื่อช่วยเหลือเนกิ ก็สามารถเอาชนะเอวานเจลีน และขอให้เธอประพฤติกลับมาเป็นนักเรียนปกติเช่นเดิม
ภาคเปิดตัวคู่แข่งของคันไซ
การผจญภัยครั้งใหญ่อีกครั้งของเนกิเริ่มต้นขึ้น เมื่อเขาได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการโรงเรียนให้ส่งสารให้กับหัวหน้าสมาคมเวทมนตร์แห่งคันไซ ซึ่งแท้จริงแล้วนั้นหรือ คือ พ่อของ โคโนกะในระหว่างการทัศนศึกษาเกียวโตถูกสมาชิกสมาคมเวทมนตร์คันไซที่เป็นปฏิปักษ์ใช้เวทมนตร์เพื่อชิงตัวคุณหนูโคโนกะไป เพื่อใช้พลังเวทมนตร์อันมหาศาลของเธอชุบชีวิตปีศาจขนาดยักษ์ตนหนึ่งด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนในห้องที่ไม่ได้เป็นคนธรรมดาหนึ่งในนั้นคือ ซากุระซากิ เซ็ตซึนะพันธสัญญาชั่วคราว และทีม ติงต๊องแรนเจอร์ก็เข้ามาช่วยอีกแรง ด้วยความช่วยเหลือของผู้อำนวยการได้อนุมัติประทับตราให้ เอาวาไปทัศนศึกษาได้ทุก 5 วิ เพื่อให้ใช้เวทมนตร์ช่วยเหลิอได้เนที่เรียนร้อย ส่วนคุณหนูก็ทำสัญญาดับเนกิด้วยเช่นกัน
ภาค การต่อสู้งานประลองยุทธมาโอระฯ
เนกิตระหนักว่าความรู้ทางเวทมนตร์และฝีมือทางการต่อสู้ของเขายังต่ำมาก จึงขอให้เอวาเจลีนสอนเวทมนตร์ ให้ คู เฟย เป็นสอนศิลปะการต่อสู้ แล้วเริ่มฝึกวิทยายุทธอย่างขยันขันแข็ง ในช่วงเทศกาลโรงเรียนมาโฮระ ความเนื้อหอมของเนกิทำให้เขาถูกนักเรียนในชั้นจองตัวไปเที่ยวงานจนตารางนัดแทบไม่มีที่ว่าง แต่เคราะห์ดีที่ เจ้า หลินเฉิง มอบนาฬิกาย้อนเวลา คาสิโอ้ แพร์ ที่ช่วยให้เนกิสามารถไปเที่ยวกับนักเรียนได้หลายๆ คนในวันเดียวกัน
เนกิและพรรคพวกยังเข้าร่วมการประลองยุทธมาโฮระ ซึ่งปีนี้จัดใหญ่กว่าปกติโดยเจ้าสนับสนุนเงินรางวัลสำหรับแชมป์ถึงสิบล้านเยน (ราวสี่ล้านบาท) ดึงดูดนักสู้ฝีมือดีจากทั่วโลกรวมทั้งผู้ใช้เวทมนตร์ให้มาร่วมแข่งขัน ระหว่างการประลองยุทธนั้น เจ้าก็นำภาพของเนกิและผู้เข้าร่วมแข่งขันคนอื่นขณะใช้เวทมนตร์ทำการต่อสู้ไปเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ตเพื่อประกาศให้คนทั่วไปได้รู้ ว่าเวทมนตร์จอมเวทย์และพ่อมดมีอยู่จริง
อย่างไรก็ดีเนกิก็ไม่สามารถละมือไปจากการแข่งขันได้ เนื่องจากเขาสงสัยว่าผู้แข่งขันชื่อ "คูเนล ซันดาส" คือบิดาของเขา อย่างไรก็ดีในระหว่างที่การประลองยุทธดำเนินไปนั้น พรรคพวกของเนกิได้เริ่มบุกโจมตีฐานลับของเจ้า แต่ก็ไม่สามารถจับกุมเธอได้ เนกิสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือเก่งกาจอย่าง อ.ทาคามิจิทีทาคาฮาตะ,ทาคาเนะ ดี.กู๊ดแมนและเซ็ตสึนะช่วงการสู้รบปรบมือกับเจ้า หลิน เฉินเข้าสู้รอบชิงชนะเลิศการแข่งขันประลองยุทธโรงเรียนมาโฮระ ไปพบกับ อัลบิเรโอ อิมมะ เพื่อนเก่าที่เคยร่วมทำสงครามเวทมนตร์กับนากิ อัลบิเรโอใช้อาร์ทแฟ็กต์ของตนกลายร่างเป็นนากิเป็นเวลา 10 นาที ทำให้เนกิได้พบกับบิดาของตนอีกครั้ง และได้ประลองยุทธกับนากิเป็นครั้งแรก โดยอัลบิเรโอในร่างของนากิเป็นฝ่ายชนะหลังจากสู้กันแล้วเอวาเจลีนก็ปรากฏตัวขึ้น เพื่อให้นากิคลายคำสาปที่ปิดผนึกพลังเวทของตนเองไว้ หลังจากงานประลองยุทธ เนกิใช้นาฬิกาย้อนเวลาที่ได้รับจากเจ้าเที่ยวงานเทศกาลโรงเรียนมาโฮระอีกหลายรอบ ระหว่างนั้นเขาได้เปิดเผยความลับของโลกเวทมนตร์ต่อ ฮาเซกาว่า จิซาเมะ, เนกิได้กลายร่างเป็นผู้ใหญ่เพื่อออกเดทและชมคอนเสิร์ตของ อิซึมิ อาโกะ,และทำพันธสัญญาชั่วคราวกับอายาเซะ ยูเอะ,ซาโอโตะเมะ ฮารุนะ,ฮาเซกาว่า จิซาเมะและ หลังจากนั้นเนกิได้รู้ว่า เจ้า หลินเฉิง จะลาออกจากโรงเรียน จึงขอพบกับเธออีกครั้ง เขาพยายามสอบถามเธอถึงจุดมุ่งหมายของการเปิดโปงโลกเวทมนตร์ แต่เจ้ากลับท้าเนกิต่อสู้โดยสัญญาว่าจะบอกเหตุผลถ้าเนกิชนะ แต่ถ้าแพ้เขาจะต้องมาเป็นพวกเดียวกับเธอ เนกิเสียท่าให้กับเจ้าซึ่งสามารถหลุดรอดจากคาถาพันธนาการได้อย่างเหลือเชื่อ เคราะห์ดีที่ นางาเสะ คาเอเดะและซากุระซากิ เซ็ตซึนะ มาช่วยไว้ได้ทัน โดยทั้งสองล่อเจ้าออกจากสนามรบไปยังงานเลี้ยงอำลาที่เพื่อนในห้องจัดให้เจ้า
ศึกรบ เจ้า หลิน เฉิน (ภาคแรก)
หลังจากงานเลี้ยงจบ เจ้าบอกเนกิว่าเธอเป็นลูกหลานคนหนึ่งของเนกิที่มาจากอนาคตและเธอต้องการเปิดโปงโลกเวทมนตร์ให้คนทั่วไปรับรู้เพื่อเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์อันเลวร้ายของเธอในงานโรงเรียนวันที่3 พวกเนกิไปคิดหาแผนการต่อกรที่บ้านพักของเอวานเจลีน เมื่อกลับออกมา เจ้า หลินเฉิงได้พาพวกเนกิข้ามเวลามาอีก 1 อาทิตย์ ซึ่งเวลานั้นทุกคนในโลกล่วงรู้ความลับเรื่องเวทมนตร์หมดแล้ว เนกิเกือบจะต้องถูกสาป แต่พวกอาซึนะ ก็เข้าไปช่วยได้ทันก่อน เนกิและพรรคพวก จึงได้ใช้คาสิโอ้แพร์ ข้ามเวลากลับไปโดยใช้พลังงานจากพลังเวทใต้ต้นไม้โลกอันน้อยนิดด้วยความผิดผลาดของไทม์แมชชีน พวกเนกิข้ามเวลาไปถึงวัน1สัปดาห์ (งานเทศกาลมาโฮระวันที่ 3) หลังจากอธิบายเรื่องราวต่างๆ ให้ปู่ของโคโนกะรู้แล้ว พวกเขาตัดสินใจใช้แผนการที่เนกิคิดขึ้น คือการจัดงานอีเวนท์ซึ่งให้นักเรียนทุกคนในโรงเรียนสู้กับหุ่นยนต์ของเจ้า (2500 ตัว) โดยที่ให้เหล่าจอมเวทที่แฝงตัวอยู่ในโรงเรียนใช้เวทมนตร์สู้ได้
เนื่องจากนักเรียนทุกคนคิดว่าเป็นการแสดงแต่แล้วก้มีหุ่นยนต์ขนาดมโหฬารโผล่ออกมาโดยเนกิทำให้เป็นเกมเพื่อยืมแรงจากพวกนักเรียนเองและได้ให้เงินรางวัลเป็นการตอบแทนโดยติต่างว่าหุ่นรบของจริงเป็นของปลอมและให้อาวุธเวทมนตร์เป็นแค่ปืนแสงเด็กเล่น (อันตราย><) เพื่อให้เนกิสามารถยือเวลาในการสู้รบออกไปได้และได้ทำสัญญากับจิซะเมะ เพื่อสู้กับชาช่ามารุทางอินเทอร์เน็ต เพราะชาช่ามารุพยายามที่จะปลดผนึกมนตราที่คอยคุ้มครองโรงเรียน
ศึก เจ้าหลินเฉิน (ภาคกลาง)
เมื่อเนกิฟื้นตัวจากการฝืนใช้คาสิโอ้แพร์ย้อนเวลามา1อาทิตย์แล้ว ก็ได้เตรียมพร้อมที่จะสู้รบกับคุณเจ้า โดยให้จิซาเมะ ทำการแฮกค์กิงกลับ ทางอินเทอร์เน็ตกับชาช่ามารุด้วยอาติแพ็ก และพวกเนกิก็ได้เดินทางออกจากเกาะห้องสมุดเพื่อค้นหาตัวเจ้าและทำลายแผนการทางฝ่ายจอมเวทก็ต่างพยายามผนึกเทพมาร แต่ไม่สำเร็จเพราะกระแสวิญญาณเข้มข้นเกินไป อาซึนะและเซ็ตซึนะเป็นตัวละครลับจากเกมที่หลอกล่อนักเรียนมาช่วยด้วย แต่อ.ทาคาฮาตะเข้ามาจัดการให้ และได้ทำให้เทพมารร่างทะลุและล้มลง ทันใดนั้นก็มีอะไรบางอย่างพุ่งตรงแหวกอากาศเฉียดอ.ทาคาฮาตะไปเพียงนิดเดียวและระเบิดออก ทุกคนจึงรู้ว่ามีใครลอบยิงเกิดขึ้น และอาจารย์ทาคามิจิห็หายไปกับบอลพลังงาน พลทหารเวทต่างสร้างเกราะเวท แต่กระสุนนั้นได้ทำการกลืนกินทั้งกำแพงเวทและผู้ใช้ จอมเวทที่เหลือต่างหาที่กำบัง โดยไปซ่อนที่หลังตึก แต่ก็ไม่แคล้วโดนยิงอีก ตอนนั้นเองที่เจ้าหลินเฉิงได้ปรากฏตัวขึ้นในชุดสุดไฮเทคของเธอ โดยเป็นภาพฉาย และได้บอกกับทุกคนว่าคนที่โดนกระสุนชนิดนั้นจะถูกส่งไปอีก3ชม.ให้หลัง ส่วนอาซึนะและเซ็ตซึนะพบกับเจ้าซึ่งเข้ามาหาเองโดนขัดขวางก่อน แต่มิโซระได้พาหนีออกมาทัน
ทางด้านพวกเนกิ เมื่อออกมาจากเกาะห้องสมุดก็ต้องเจอกับกองทัพหุ่นยนต์จำนวนหนึ่ง แต่เนกิก็ได้จัดการได้และเดินหน้าต่อ แต่เนกิถูกยิงด้วยกระสุนพิเศษมากกมาย ทำให้คุณหนูห้องสมุดเข้ามารับแทนในตอนนี้พวกเนกิที่หลบซ่อนอยู่ในรถลาง2คันก็พยายามหาตัวผู้ที่ซุ่มยิง โดยคาเอเดะคาดเดาว่านะจะเป็นมานะ มานะได้เล่าความจริงบางอย่างให้เนกิรู้และยิงใส่พวกของเนกิ มีแต่คนที่อยู่ในรถลางอีกคันคือ คาเอเดะและฮารุนะที่รอด แต่ก็เกิดสิ่งประหลาดขึ้น เมื่อควันจางลง พวกเนกิที่น่าจะหายไปก็ปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้คาเอเดะได้บอกให้ทุกคนรุดหน้าไปก่อน ตนจะจัดการมานะเองพวกเนกิวิ่งห่างออกมาจากคาเอเดะได้สักระยะก็เจอกับ3พี่น้องชาช่ามารุรอต้อนรับพวกเขาอยู่ น้องของชาช่ามารุคนหนึ่งรีบเข้าโจมตีทันที แต่คูเฟยล็อกตัวไว้ได้และจะเจรจาเพราะคิดว่านี่คือชาช่ามารุ แต่กลับถูกกระแสไฟฟ้าช็อต เนกิจึงลองสู้ดูจึงรู้ว่านี่ไม่ใช่ชาช่ามารุ เป็นเพียงบอดี้รุ่นใหม่ของชาช่ามารุที่ติดตั้งโปรแกรมต่อสู้ระยะประชิดมาเท่านั้น เมื่อคูเฟยรู้จึงบอกกับเนกิว่า ตนกับฮารุนะจะจัดการพวกนี้เองให้เนกิไปก่อนเลย ตอนนี้ก็เหลือโนโดกะ และ ยูเอะ เท่านั้นที่อยู่กับเนกิ แต่ไม่นานโนโดกะก็ถูกยิง เพราะช่วยเนกิจากการถูกกระสุนชนิดพิเศษยิง เนกิพยายามจะช่วย แต่โนโดกะบอกไม่ต้องและหายไป ยูเอะจึงบอกกับเนกิว่า ให้ทำลายแผนการนี้ให้ได้ จึงจะเป็นการช่วยโนโดกะที่ดีที่สุด
ศึก เจ้าหลินเฉิง (ภาคจบ)
เนกิได้รับข่าวสารที่สำคัญจาก อาซาคุระที่ทราบว่ามี ยานเหาะขนาดใหญ่มากอยู่บนท้องฟ้าสูงประมาณ4,000เมตร น่าจะเป็นเจ้าหลินเฉิน ก็ทำการเหาะทะยานขึ้น ระหว่างนั้น หุ่น ยนทานากะ รุ่นติดปีก กับ ชุดจู่โจม บอดี้ซ่าซ่า ก็เข้ามาโจมตี ขัดขวาง แต่แล้ว ยานขายของของเจ้าเข้ามาช่วย โดยมี เช็ตซึนะ อาซึนะ และ ซิตเตอร์มาช่วย พร้อม โคทาโร่ เนกิเข้าถึงตัว เจ้าได้แล้ว พยามยามหว่านล้อมเพื่อให้เจ้าเปลี่ยนใจ แต่ไม่สำเร็จ จึงสู้กัน จน เจ้า หมดพลัง เพราะเธอใช้ผลึกแก้วเกินกำลังของตน จึงตกลงไปข้างล่าง เนกิได้พามาที่ลานกว้าง บริเวณหิน 3 ชั้น เจ้าได้ทำการ เปิดประตูมิติเพื่อเดินทางกลับ พร้องทำการดูดสิ่งของที่เพื่อนให้ไป แล้วกล่าวอำลาเนกิและบอกอย่างชัดเจนว่า เนกิ คือ พ่อของ เธอเอง อย่ายึดติดอีกเลย
การเยี่ยมเยือนของอาเนีย
อาเนียทราบข่าวของการต่อสู้ของเนกิ จึงนั่งเครื่องบินมายังญี่ปุ่น เพื่อ มาหาเนกิ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผ่อนคลายสำหรับอาเนียด้วยการฝึกมหาโหดหน้าร้อน โดย เอวาจังหลังจากการจบเทศกาศมาโฮระแล้ว อาซึนะได้ทำการขอตั้งชมรม ทีมหาพ่อของเนกิ โดยมีที่ปรึกษา คือเอวาเจลีน แต่เอวาเจลีนไม่ยอมรับให้อาซึนะเป็นประธานชมรม จึงให้ต่อสู้กับเนกิ ผลปรากฏว่า อาซึนะแพ้เนกิราบคาบเอวาได้สั่งให้อาซึนะเดินทางไปยังทางออกด้วยตนเองภายใน 7 วัน คือ 7 ชั่วโมง ในดินแดนหิมะ หลังการผลฝึกเยี่ยมยอมสามารถเอาชีวิตรอด จากการทดสอบมหาประลัยได้ จึงได้เป็นประธานชมรม
บุกเมืองเวทมนตร์
คุณหัวหน้าห้องได้ สั่งซื้อ เครื่องบินพิเศษ พิมพ์ลายคุณครูเนกิ ด้วยแล้วการติดต่อให้สายการบินอนุญาต ทำให้ไปอังกฤษ เร็วขึ้นกว่าเดิม ศึกหนักที่ปราการเวท หลังจากที่มาถึงอังกฤษ เนกิได้แอบไปที่สตเฮน ซึ่งเป็นทางเข้าไปที่เมื่องเวท เนกิได้มาที่ปราการเวทซึ่งเป็นที่รับพัสดุและของใช้ ในกล่องมีการ์ดและอุปกรณ์เวท แต่หลังจากที่มาอยู่ปราการเวทได้ไม่นาน เด็กผมขาวนามว่า เฟต อะเวลลังซ์ ซึ่งเนกิเคยสู้ด้วย ได้ใช้หอกศิลาพุ่งทะลุไหล่ขวาของเนกิ ทำให้เนกิอยู่ในสภาพปางตาย อาซึนะ โคทาโร่ คาเอดะ เซ็ตซึนะ ไม่สามารถต่อกรกับพรรคพวกของเฟตได้ จนในที่สุดอาซึนะได้ทุบกล่องเวทมนตร์เพื่อเอาอาวุธออกมาใช้ แต่ด้วยความเก่งกาจของกลุ่มเฟต ทำให้กลุ่มเนกิต้องพ่ายแพ้อย่างราบคาบ และกลุ่มเนกิก็กระจัดกระจายไปในเมืองเวทมนตร์
ตามหาพวกพ้อง
จากการที่พวกเนกิกระจัดการจายลงไปในเมืองเวทมนตร์ในโซนต่างแล้ว เนกิอิยู่กับ ซาซามารุ ซาซามารุได้ช่วยชีวิตไว้ โดยได้ตะลุยออกมาจนมาพบกับ ซิอุ และโคท่าโร่ทั้ง 2 จึงใช้ยาลูกกลอนเพิ่มอายุและสวมรอยเป็นคุณพ่อเพื่อประกาศตามหา เพือนที่คุณพ่อรู้จัก แต่แล้วทางรัฐบาลได้ประกาศจับพวกแน่กิทั้งหมดโดยมีรางวัลนำจับให้ เนกิจึงต้องแร่งมือช่วยเหลือและรวบรวมเพื่อนๆของท่านพ่อให้เร็วที่สุด ท่าด้านเซตซึนะและอาซึนะได้หลงไปในโซน ป่า ได้ฝึกฝนอย่างหนักจนสามารถล่มมังกรที่เป็นที่ต้องการของหมู่บ้านได้แล้วไปขึ่นเงินที่หมูบ้านได้พบกับ ฟูกิ จึวรวมทึมอีกครั้ง
แม่มดน้อบยูเอะออกโรงแล้วยูเอะได้เข้าไปหลงอยู่ที่ป่ามนต์ของโรงเรียนจอมเวทที่มีชื่อเสียง ทางอาจารย์จึงรับเข้าศึกษาชั่วคราว จนเรียนจบ แต่แล้วในวันสอบเพื่อรับ ใบประกาศได้มีคนส่ง กลิฟฟอนมาอาละวาด ยูเอะจึงต้องใช้ บันคิโอ โดยทุกคนตกใจมากเพราะเป็นเวทมนตร์ขั้นสูง จึงถามความจริงและช่วยเหลือเป็นอย่างดี

Death Note

Death Note

ภาคแรก
ยางามิ ไลท์ นักเรียนมัธยมปลาย ซึ่งเป็นนักเรียนที่ฉลาดมากและเรียนดีติดอันดับ 1 ของประเทศ วันนึงเขาได้ไปพบ "บันทึกมรณะ" (เดธโน้ต) ของ ลุค ยมทูตผู้หนึ่งได้ในคืนที่ฝนตกหนัก ทำให้ได้รับความสามารถพิเศษ สามารถฆ่าคนได้ เพียงแค่รู้จักหน้าคนผู้นั้นแล้วเขียนชื่อลงไปในกระดาษของสมุดบันทึกเล่มนั้น ผู้ที่ถูกเขียนชื่อจะเกิดอาการหัวใจวาย เสียชีวิตภายในเวลา 40 วินาที ไลท์จึงตัดสินใจจะเปลี่ยนแปลงโลก โดยใช้เดธโน้ตฆ่าอาชญากร ผู้คนจึงขนานนามของผู้ฆ่า (ไลท์) ว่า "คิระ" (มาจากคำว่า killer ในภาษาอังกฤษ)
ไม่นานนักเรื่องนี้ก็บานปลาย อาชญากรพากันล้มตายจนเป็นจำนวนมาก องค์กรตำรวจโลก (ICPO) จึงจัดประชุมใหญ่ขึ้น ประณามการกระทำของ คิระ โดยมีนักสืบผู้แก้ไขคดีต่างๆ มาแล้วมากมายให้กับ ICPO มีนามแฝงว่า L ได้ปรากฏตัวขึ้น และ ประกาศว่า ผมได้เริ่มสืบสวนคดีนี้แล้ว โดยมี วาตาริ ผู้ที่สามารถ ติดต่อกับ L ได้คนเดียว เป็นผู้ช่วย โดย L เองได้ท้าทายคิระ และ วางแผน ล่อให้คิระฆ่าคน โดยใช้ Lind.L.Tailor นักโทษประหารมาหลอกว่าเป็น L และ กล่าวประนาม ว่าสิ่งที่ คิระทำอยู่นี้ เป็นสิ่งชั่วร้าย ทำให้ไลท์ (คิระ) โกรธมากและพยายามหาทางกำจัด L ให้ได้เช่นกัน ทาง L ก็ได้ร่วมมือกับ ทีมงานตำรวจญี่ปุ่น ซึ่งนำโดย ยางามิ โซอิจิโร่ พยายามตามจับตัว พยายามสืบหาว่า "คิระ" คือใคร และ ใช้วิธีใดในการฆ่าคนเพียงแต่เห็นหน้าและทราบชื่อ โดยมี วาตาริ เป็นผู้ช่วย ระหว่างนี้ L ขอให้ทางสหรัฐฯ ส่ง FBI เข้ามาติดตามผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคิระ ทางด้านไลท์ได้ทดสอบใช้งานโน้ต จนทราบว่าสามารถที่จะกำหนดให้บุคคลเสียชีวิตด้วยเหตุอื่นๆ และสามารถกำหนดเวลาที่จะให้เสียชีวิตได้ด้วย จนในที่สุดสามารถใช้เดธโน้ตฆ่า FBI ที่เข้ามาได้ทั้งหมด ทำให้ L เริ่มมั่นใจว่า ไลท์ น่าจะเป็นคิระ และคอยดูไลท์อยู่เรื่อย ๆ
แต่แล้วจู่ๆ ก็มีวีดีโอเทปถูกส่งมายังสถานีโทรทัศน์ ระบุว่าตนเองคือ "คิระ" โดยสามารถฆ่าคนได้ เพียงแค่รู้จักหน้าตาเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องทราบชื่อ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ไลท์พยายามหาทางติดต่อกับ คิระ คนนั้น จนในที่สุด ไลท์สามารถดึงตัว อามาเนะ มิสะคิระเบอร์ 2 มาเป็นพวกได้ในที่สุด เพราะมิสะเองได้หลงรักไลท์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ด้วยสาเหตุที่คิระได้ ฆาตกรรม คนที่สังหารพ่อแม่ของมิสะไว้ และยังช่วยชีวิตของมิสะไว้อีก ต่อมาไลท์เองพยายาม ทำให้มิสะเจอกับ L ให้ได้ ส่วน L เองก็เชื่อว่ามีคิระ 2 คน ดังนั้น L จึงออกมาพบกับไลท์เพื่อเฝ้าติดตามดูไลท์ตลอดเวลา เมื่อ L ออกมาพบกับไลท์ และบังเอิญเจอมิสะ L ได้พบพิรุธของมิสะ พร้อมกับพบหลักฐานบางส่วนที่มิสะใช้ทำวีดีโอเทปปลอม จึงจับกุมตัวมิสะในทันที ในฐานะคิระหมายเลข 2 ทำให้ไลท์ไม่สามารถใช้มิสะในการกำจัด L ได้ สุดท้าย เรน (ยมทูตที่ติดตาม มิสะ) ได้ยึดความเป็นเจ้าของโน้ตคืนจากมิสะ และ คิดจะฆ่าไลท์ หากไลท์ไม่สามารถช่วยมิสะออกมาได้ เหตุการณ์ไม่คาดคิดนี้เอง ทำให้ไลท์ต้องวางแผนสุดท้ายในการกำจัด L โดยมีเรนมาช่วยด้วยอีกแรง โดยแผนการในครั้งนี้ ทำให้ไลท์ต้องเสียสิทธิ์ในการครอบครองเดธโน้ต ต้องกลับมาเป็นคนธรรมดา เพื่อช่วย L สืบหาตัวคิระ โดยให้เรน นำโน้ตของมิสะไปให้ หนึ่งในผู้บริหาร 8 คนของ บ.โยทสึบะ เพื่อเป็นคิระคนใหม่แทน มิสะ โดยเป็นตัวร่วมในแผนการของไลท์เองในครั้งนี้
การร่วมมือระหว่าง L กับ ไลท์ ในการตามจับตัวคิระ ดำเนินไปจนถึงขั้นสุดท้าย จนสามารถจับตัวคิระ หนึ่งในผู้บริหาร บ.โยทสึบะ และยึดโน้ตมาได้สำเร็จ จึงทำให้ L เห็นยมทูต และ รู้วิธีการฆ่าในที่สุด เมื่อไลท์ได้แตะโน้ตอีกครั้ง ทำให้ความทรงจำคืนมาทั้งหมด และ แอบเขียนโน้ตที่ซ่อนไว้ในนาฬิกา ฆ่าคิระ (ผู้บริหาร บ.โยทสึบะ) เพื่อปิดปาก โดยแม้ว่าหลักฐานจะสรุปว่าคิระได้ตายไปแล้ว แต่ L ก็ไม่ลดละความพยายามในการพิสูจน์ว่า ไลท์ คือ คิระ และ มิสะ คือ คิระหมายเลข 2 ทำให้ เรม ซึ่งกลัวว่ามิสะจะต้องถูกจับในฐานะคิระหมายเลข 2 ต้องทำอะไรบางอย่างในที่สุด โดยทุกคนหารู้ไม่ว่า ทุกอย่างเป็นแผนการทั้งหมดของไลท์ที่วางไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

ภาคสอง
หลังจาก L และ วาตาริ ตายไปไม่นาน เครื่องคอมพิวเตอร์ของ วาตาริ ได้ทำการส่งข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับคดีคิระไปที่แห่งนึงซึ่งนั่นก็คือสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งก่อตั้งโดย ควิลล์ แวมมี่ เป็นเจ้าของ และมี โรเจอร์ เป็นผู้ดูแลอยู่ ก็ทำให้ทราบว่า วาตาริ เป็นเจ้าของบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้นั่นเอง เนียร์ และ เมลโล ก็อยู่ในระหว่างการคัดเลือกว่า ใครจะมาแทน L ซึ่ง เมลโล รู้ตัวว่าเป็นรอง เนียร์ จึงออกจากบ้านเด็กกำพร้า และหาทางสืบเรื่องคิระ ตามวิธีของตน เพื่อที่จะแสดงให้คนอื่นเห็นว่า ตนเองมีความสามารถ และไปเข้ากับพวกองค์กรมาเฟียระดับโลก โดยยื่นเงื่อนไขในการจัดการคิระให้ เพื่อพวกมาเฟียจะไม่ถูกคิระเขียนชื่อลงในเดธโน้ต ส่วนทาง เนียร์ ได้นำข้อมูลทั้งหมดไปให้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และขอให้จัดสรรทีม SPK (Secret Provision For Kira) เพื่อสืบคดีคิระต่อ ยางามิ ไลท์ ก็สืบทอดตำแหน่งการตามจับคิระต่อไปในร่างของ L โดยเข้าไปทำงานด้านข้อมูลของกรมตำรวจ
ทางเมลโลกับพวกมาเฟีย จับ ผบตร. ของญี่ปุ่นมา เพื่อสอบถามข้อมูลของเดธโน้ต แต่ ผบตร.ก็ตายด้วยน้ำมือของไลท์ ต่อมาเมลโลวางแผนจับตัว ยางามิ ซายุ มาต่อรองการแลกโน้ตจาก ยางามิ โซอิจิโร่ หลังจากเมลโลแลกโน้ตกับซายุแล้ว ได้ทำการศึกษาเดธโน้ต และเริ่มทดลองการใช้โน้ต ระหว่างนี้ทางเนียร์เองได้ติดต่อกับ L หมายเลข 2 (ยางามิ ไลท์) เพื่อร่วมกันแย่งเดธโน้ตคืนจากเมลโล สุดท้ายได้รับความร่วมมือจาก ชีโดว์ ยมทูตซึ่งเป็นเจ้าของโน้ตเล่มแรกที่แท้จริง (โน้ตที่ได้จากลุคเล่มแรก) โดยการแย่งคืนโน้ตครั้งนี้ แม้ว่าจะสามารถแย่งโน้ตคืนมาได้ รวมถึงรู้ชื่อที่แท้จริงของเมลโล แต่ก็ต้องทำให้พ่อของไลท์ (ยางามิ โซอิจิโร่) ต้องเสียชีวิตไป และ เมลโล ก็หนีไปได้
ต่อมาไม่นาน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เสียชีวิตลงโดยฝีมือของ คิระ เหตุการณ์นี้ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ล้มเลิกความคิดที่จะสืบหาตัวคิระ และมายืนอยู่ฝ่ายเดียวกับคิระจนทำให้หน่วย SPK ของเนียร์ต้องถูกปิดลง แต่ทางเนียร์กับพวกที่เหลืออีก 3 คนต่างไม่ยอมล้มเลิกการตามหาตัวคิระ และได้ใช้เงินกองทุนของ L ในการดำเนินการสืบหาคิระต่อไป ต่อมาเมลโลได้ติดต่อกลับมาทางเนียร์ผ่านทาง ริโดน่า สมาชิก 1 ใน 3 ของ SPK ที่ยังทำงานกับเนียร์ และเล่าเรื่องเดธโน้ตที่รู้ให้เนียร์ฟังก่อนจะจากไป ในตอนนั้นเนียร์เองก็เริ่มสงสัยในตัวไลท์ หรือ L หมายเลข 2 โดยเริ่มติดต่อกับคนในทีมของไลท์ 2 คน คือ โมงิ กับ ไอซาวะ และอนุญาตให้โมงิมาพบเนียร์ได้ ตอนนั้นไลท์ซึ่งต้องการจัดการเนียร์อยู่แล้ว จึงซ้อนแผนไปอีกทีหนึ่ง ทำให้ที่อยู่ของเนียร์ถูกค้นพบและถูกทำลายลง แต่เนียร์และสมาชิกทีม SPK ทั้ง 3 คน ก็หนีรอดออกมาได้
การกระทำและการเฝ้าจับตาดู L หมายเลข 2 ของเนียร์ ทำให้ไลท์ทำหน้าที่คิระไม่ได้ และจำเป็นต้องหาตัวแทนขึ้นมา สุดท้ายจำเป็นต้องเลือก มิคามิ เทรุ มาเป็นตัวแทนคิระ มิคามิยอมแลกเปลี่ยนดวงตายมทูต เพราะศรัทธาในตัวคิระเมื่อตอนที่โฆษกซากุระทีวีตาย มิคามิได้เลือกโฆษกคนใหม่ ซึ่งก็คือ ทาคาดะ คิโยมิ แฟนของไลท์สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เมื่อไลท์ได้พบกับทาคาดะ ก็แสดงความรักต่อทาคาดะ และสารภาพกับทาคาดะไปว่าเขาคือ คิระ ทางทาคาดะเองซึ่งศรัทธาในการกระทำของคิระอยู่แล้ว บวกกับชอบพอในตัวไลท์มาก่อน ก็ตอบตกลงช่วยเหลือไลท์ในทันที ซึ่งทำให้ไลท์สามารถใช้งานทาคาดะ เป็นตัวกลางระหว่างติดต่อกับมิคามิ โดยทุกครั้งที่ไลท์นัดเจอกับทาคาดะ ไลท์จะติดเครื่องดักฟังเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ในทีมคนอื่นสงสัย แต่อาศัยการเขียนความต้องการลงในกระดาษเพื่อเป็นการสื่อสารกับทาคาดะแทน
ทาคาดะ ซึ่งเป็นคนเดียวที่สามารถติดต่อกับคิระได้ ทำให้เธอมีสิทธิ์อยู่เหนือคนธรรมดาทั่วไป ในเวลานั้นทางมิคามิเองก็ฆ่าคนอื่นไปตามคำสั่งของไลท์ ที่ส่งผ่านมาทางทาคาดะ ต่อมาทาคาดะได้จ้างบอดี้การ์ด 4 คนเพื่อคุ้มกันตัวเธอเองหนึ่งในนั้นคือ ริโดน่า สมาชิก SPK ซึ่งทาคาดะไม่รู้ว่าเนียร์ส่งริโดน่าให้มาจับตาดูเธอ ส่วนทางไอซาว่า ที่ติดต่อกับเนียร์ ก็เริ่มจับตาดูไลท์เป็นระยะ และเริ่มมั่นใจว่าไลท์คือคิระ แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้
ทางเนียร์เริ่มสงสัยในตัวมิคามิ และสั่งให้เจวานนี่ตามเฝ้ามิคามิตลอด จนในที่สุดเจวานนี่สามารถเข้าถึงเดธโน้ตที่อยู่ในมือมิคามิได้สำเร็จ และถ่ายรูปข้อความทั้งหมดในเดธโน้ตกลับมาให้เนียร์ แต่หลักฐานนั้นยังไม่พอที่จะสาวไปถึงตัวไลท์ได้ เพราะไลท์ไม่ได้ติดต่อกับทางมิคามิโดยตรง มีทางเดียวคือต้องให้ไลท์เป็นคนยอมรับเองว่าเป็นคิระ ทางเนียร์จึงให้เจวานนี่ติดตามมิคามิต่อไป รวมถึงตัวเองก็คิดหาทางจัดการกับคิระไปด้วย โดยหารู้ไม่ว่าทั้งหมดอยู่ในแผนของไลท์ ที่วางเอาไว้แล้ว
เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดแล้ว และมั่นใจเต็มที่ว่าไลท์คือคิระ ทางเนียร์จึงได้นัดกับไลท์ออกมาพบกันเพื่อมาพิสูจน์ในครั้งสุดท้าย ส่วนไลท์เองก็หาโอกาสกำจัดเนียร์มานาน ในเมื่อเนียร์เป็นฝ่ายนัดมาเองก็ยินดียิ่ง เพราะจะเป็นโอกาสจัดการทุกคนในทีเดียว โดยจะเจออีกครั้งใน 3 วันให้หลัง โดยเนียร์จะพาทีม SPK ซึ่งประกอบด้วย เลสเตอร์ โจวานนี่ และริโดน่า ไปทั้งหมด และไลท์เองก็พาทีมอันประกอบด้วย โมงิ ไอซาว่า อิเดะ และ มัตสึดะ ทั้งหมด ไปนัดเจอกันที่โกดังร้างเเห่งหนึ่ง เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงกันแล้ว ต่างก็ยุติการเคลื่อนไหวทั้งสิ้น
แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเมลโลลักพาตัวทาคาดะไป แต่ท้ายที่สุด เมลโลก็ต้องตายโดยฝีมือของทาคาดะ โดยทาคาดะเขียนชื่อจริงของเมลโลลงในเศษกระดาษเดธโน้ต ที่ไลท์ได้ให้ไว้ก่อนหน้านี้ (ไลท์ ได้เคยบอกชื่อ และให้ดูรูปตอนเด็กของ เมลโล แก่ ทาคาดะ ไว้ก่อนแล้ว) หลังจากทราบว่าเมลโล ได้ตายแล้ว ไลท์ต้องการทำลายหลักฐานทั้งหมด ระหว่างเดินทางไปรับตัวทาคาดะ จึงได้เขียนชื่อทาคาดะลงเดธโน้ต และใส่สาเหตุการตายว่าฆ่าตัวตาย โดยการเผาร่างตัวเองพร้อมวัตถุใกล้ตัว แม้จะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้การนัดพบของทั้งเนียร์และไลท์ต้องยกเลิก เพราะต่างฝ่ายต่างวางแผนของตนไว้อย่างดีแล้ว
เมื่อถึงวันนัด ทั้งสองมาพบกัน ต่างฝ่ายก็มั่นใจว่าต่างเตรียมตัวมาดีแล้ว สุดท้ายแผนการเปิดโปงตัวจริงของคิระจากเนียร์ ที่วางไว้ถูกซ้อนแผนโดยไลท์ โดยมีมิคามิเป็นตัวร่วมในครั้งนี้ และการตายของเมลโลในคราวนั้น กลับช่วยเนียร์ซ้อนแผนกลับไปที่ไลท์ได้อีกครั้ง และช่วยทำให้ทุกคนรอดตายจากน้ำมือของไลท์ได้ในที่สุด
หลังจากถูกเปิดโปงได้ว่าไลท์คือคิระ ทำเอาไลท์พยายามหาทางเกลี้ยกล่อมคนที่เหลือ และหาวิธีกำจัดเนียร์ ส่วนมิคามิก็ถูกรวบตัวไป เมื่อรวบรวมสติได้ไลท์ ก็ตั้งใจจะเขียนชื่อเนียร์ลงบนเศษของโน้ตที่ซ่อนอยู่ในนาฬิกา แต่มัตสึดะเห็นเสียก่อนจึงยิงปืนใส่ไลท์ แล้วบอกว่า "ไลท์เป็นคนทำให้พ่อของตัวเอง (ยางามิ โซอิจิโร่) ตาย" ไลท์หมดสภาพ พยายามดิ้นรนขอให้ มิคามิเขียนชื่อพวก SPK แต่มิคามิถูกจับอยู่ แถมโน้ตที่อยู่กับตัวก็เป็นของปลอม มิคามิจึงตะโกนต่อว่าไลท์ว่า "แกมันไม่ใช่พระเจ้า" ไลท์ยังคงพยายามที่จะหาคนอื่นช่วย จนในที่สุดก็มองเห็นลุค และขอร้องลุคว่า "ฆ่าไอ้พวกนี้ให้ที" ลุคตอบว่า"ได้ชั้นจะเขียนให้ แต่คนที่ตายก็คือไลท์" ไลท์ตกใจมาก แล้วร้องออกมาว่ายังไม่อยากตาย เขานึกย้อนเหตุการณ์ไปวันที่ไลท์เจอกับลุคครั้งแรก ซึ่งลุคเคยบอกว่าทั้งสวรรค์หรือนรกก็ไม่มีจริง และจะอยู่รอจนถึงวันที่ตัวเองได้เขียนชื่อไลท์ลงในโน้ตของลุคเอง สุดท้ายไลท์เองก็ไม่สามารถที่จะต้านทานอำนาจของเดธโน้ตได้
ผ่านมาเป็นเวลา 1 ปี โลกกลับสู่สภาพเดิมก่อนที่จะมีคิระมาพิพากษา ไอซาว่า ได้เป็น ผ.บ. เนียร์ได้เป็น L โรเจอร์ได้เป็นวาตาริ และทำการสืบคดีเรื่องการค้ายาเสพติด ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเป็นปกติ โดยก่อนหน้านั้นเนียร์ได้เผาโน้ตที่มีอยู่ทั้งหมดทิ้ง ส่วนมิคามิเองก็เสียชีวิตในคุกเพราะได้รับเงื่อนไขดวงตายมทูต แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็มีกลุ่มคนที่ยังคิดว่า คิระแค่หยุดพักไปเท่านั้น และยังเชื่อกันอยู่ว่าสักวันคิระจะกลับมา
TIN TIN
แตงแตง (Tintin - ชื่อในภาษาฝรั่งเศสซึ่งมักจะอ่านผิดเป็น ตินติน) เป็นการ์ตูนที่มีชื่อเสียงมากเรื่องหนึ่งในโลก กำเนิดเมื่อปี ค.ศ. 1929 จากปลายปากกาของ จอร์จ เรมี (Georges Remi) ชาวเบลเยื่ยม โดยใช้นามปากกาว่าแอร์เช่ (R.G.) ซึ่งนำเอาตัวอักษรแรกของชื่อและนามสกุลมาสลับตำแหน่งกันและออกเสียงแบบภาษาฝรั่งเศส (HERGÉ)
เรื่องราวของ แตงแตง ได้รับการถ่ายทอดไว้ในหนังสือจำนวน 24 เล่ม มีการแปลเป็นภาษาต่างๆ กว่า 50 ภาษาและมียอดจำหน่ายกว่า 200 ล้านเล่มทั่วโลก และกำลังจะนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แอนิเมชัน จำนวน 3 ภาค โดย สตีเฟน สปีลเบิร์ก และปีเตอร์ แจ็กสัน
เรื่องย่อ
Tintin เป็นนักข่าวหนุ่มมีนิสัยรักการผจญภัย กล้าหาญ อดทน กระตือรือร้นและต่อสู้เพื่อความถูกต้องในสังคม เขามีสุนัขคู่ใจตัวหนึ่งว่า สโนวี่ (บางสำนักพิมพ์เรียก เมโล) การผจญภัยของ Tintin และเจ้าสโนวี่เกิดขึ้นทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ บุกไปในทะเลทรายรวมไปถึงในประเทศต่างๆ เช่น จีน รัสเซีย อียิป คองโค สหรัฐอเมริกา และยังไปไกลถึงดวงจันทร์


Character

ตินติน

ตินตินหรือ แตงแตง เป็นนักข่าวหนุ่มที่กระหายความเที่ยงตรงและความถูกต้องจนบางครั้งทำให้ผู้อ่านมีความรู้สึกว่าน่าจะเป็นนักสืบมากกว่า และด้วยเหตุนี้ทำให้เขาต้องผจญไปกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เสี่ยงต่อชีวิต แต่ด้วยความสามารถที่เขามีและโชคที่เข้าข้างเขาทำให้สามารถรอดชีวิตได้มาอย่างหวุดหวิด





กัปตันแฮดด็อก

ปรากฏตัวครั้งแรกในตอน ก้ามปูทอง (THE CRAB WITH THE GOLDEN CRAWS) เป็นกัปตันที่มีความตั้งใจที่จะเลิกเหล้าแต่ก็เลิกไม่ได้สักที สูบไปป์ มีนิสัยขี้หงุดหงิดและปากจัดจนบางครั้งเกือบทำให้สถานการณ์แย่ไปเลย แต่ด้วยนิสัยที่รักเพื่อนต่อให้บุกน้ำลุยไฟที่ไหนถึงจะหวั่นๆ แต่ไม่เคยถอยสักครั้ง






สารวัตรทอมสันและทอมป์สัน


ถือว่าเป็นตัวโจ๊กในการ์ตูนเรื่องนี้ เพราะความสามารถของฝาแฝดทั้งสองมีไม่ถึงครึ่งของTintinเลย แต่บางครั้งเขาทั้งสองก็สามารถเป็นที่พึ่งให้กับTintinได้ถึงแม้ว่าTintinจะเป็นฝ่ายช่วยพวกเขาเสียมากกว่า พวกเขาเป็นฝาแฝดที่ไม่ยอมรับในความเหมือนกันในหลายๆ อย่าง ถึงอย่างไรก็ตามเขาทั้งสองก็ชอบเถียงกันเองในเรื่องการพูดว่าใครพูดเลียนแบบใครกันแน่






ศาสตราจารย์ ตูร์เนอซอล
ป็นศาสตรจารย์ช่างประดิษฐ์คิดค้น มักจะชอบคิดประดิษฐ์สิ่งของแปลกๆให้ตินตินใช้เช่น เรือดำน้ำรูปปลาฉลาม (ในตอนความลับของยูนิคอร์น) แม้บางที เขาอาจจะมีความคิดเพี้ยน เพ้อฝันหรือเกินความเป็นจริงไปบ้าง แต่เขาก็รักตินตินและกัปตันแฮ็ดด็อกอยู่เสมอ




สโนวี่
เป็นสุนัขเพศผู้ สีขาวล้วน มีนิสัยซื่อสัตย์ กล้าหาญ รักตินตินเป็นที่สุด ตะกละและขี้เมาเพราะสถานการณ์พาไป ไม่ว่าตินตินจะไปที่ไหนมันจะขอตามไปด้วยไม่ให้ห่าง















One Piece


One piece
วันพีซ (One Piece?) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นเขียนโดย เออิจิโร โอดะ เรื่องราวของการตามหา "วันพีซ" โดยผู้ที่ได้มาครอบครองจะได้เป็นจ้าวแห่งโจรสลัด เริ่มลงตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์ ของสำนักพิมพ์ชูเอฉะ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 ปัจจุบัน (มี.ค. 2551) ฉบับรวมเล่มออกมาถึงเล่มที่ 49 และเนื่องจากความโด่งดัง วันพีซ จึงได้รับการดัดแปลงเป็นอะนิเมะ นวนิยาย รวมไปถึงเกมอีกหลายภาคด้วยกัน
ในประเทศไทย วันพีซได้ลิขสิทธิ์โดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ ตีพิมพ์ลงในนิตยสารการ์ตูนซีคิดส์รายสัปดาห์ ส่วนฉบับอะนิเมะ ได้ลิขสิทธิ์โดย Audio & Video Entertainment (ภาค 1) DEX (ตั้งแต่ภาค 2 เป็นต้นไป) และเคยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวี (ทีไอทีวี) ปัจจุบันออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี (ช่อง 9) เวลา 10.05-10.30 น. ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
วันพีซเป็นหนึ่งในการ์ตูนที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น จุดเด่นของเรื่องนี้อยู่ที่การที่ผู้วาดได้สร้างสรรค์ความฝันซึ่งต้องการผจญภัยพร้อมกับเหล่ามิตรแท้ในวัยเด็กของหลาย ๆ คนได้อย่างมีเสน่ห์ โดยระหว่างการผจญภัย ลูฟี่ต้องเจออุปสรรคในการพิสูจน์เพื่อนแท้มากมาย รวมทั้งได้เรียนรู้เรื่องราวและตำนานของบุคคลต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในเนื้อเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น กองทัพเรือของรัฐบาลโลก เจ็ดเทพโจรสลัด เจ้าหญิงบิบีแห่งอาลาบัสต้า เมืองแห่งทะเลทราย โนแลนด์จอมโกหก และเกาะแห่งท้องฟ้าในตำนาน รวมทั้งภาคล่าสุดมหาอาณาจักรแห่งน้ำวอเตอร์เซเว่น ในตอนจบ ลูฟี่ตระหนักได้ว่า สมบัติที่ต้องการนั้นแท้จริงแล้วอยู่กับเขาตั้งแต่แรก นั่นก็คือเหล่ามิตรแท้ที่ร่วมฝ่าฟัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานั่นเอง
เนื้อเรื่อง
ในเรื่องพูดถึงยุคทองของโจรสลัด เมื่อเจ้าแห่งโจรสลัด โกลด์ ดี โรเจอร์ ถูกประหาร มหาสมบัติวันพีซในตำนานก็ไร้เจ้าของ ทำให้โจรสลัดทั่วโลกต่างพากันกางธงเข้าแย่งชิงมหาสมบัตินี้
มังกี้ ดี ลูฟี่ ผู้ซึ่งวัยเด็กได้มีโอกาสรู้จักกับหนึ่งในโจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่ แชงคูส "ผมแดง" มีความใฝ่ฝันที่จะก้าวข้ามแชงคูสไปเป็นเจ้าแห่งโจรสลัด ลูฟี่ได้กินผลปีศาจ เข้าไปทำให้ร่างกายมีลักษณะพิเศษคือมีคุณสมบัติเป็นยาง ซึ่งลูฟี่ได้อาศัยพลังของผลปีศาจนี้ฝึกฝนวิชาการต่อสู้กับสัตว์ร้ายในทะเล เมื่อโตลูฟี่ได้ออกเดินทางตามลำพัง โดยหาทางผจญภัยไปยังแกรนด์ไลน์ สถานที่ที่เชื่อว่ามีวันพีซซ่อนอยู่ เพื่อหาหนทางไปสู่การเป็นจ้าวแห่งโจรสลัด ระหว่างทางลูฟี่ต้องเจอศัตรูที่ร้ายกาจและมีพลังของผลปีศาจมากมาย แต่เค้าก็ได้สหายร่วมเป็นร่วมตายมามากมายไม่ว่าจะเป็น โรโรโนอา โซโล นักดาบผู้ซึ่งมีความฝันที่จะเป็นนักดาบที่เก่งที่สุดในโลก นามิ สาวน้อยน่ารักผู้มีพรสวรรค์ในการเป็นต้นหนเรือ อุซป นักแม่นปืน จอมโกหกแต่เป็นคนที่รักเพื่อนยิ่งนัก ซันจิ กุ๊กผู้มีวิชาเพลงเตะที่ร้ายกาจและบ้าผู้หญิง โทนี โทนี่ ช็อปเปอร์ กวางเรนเดียร์ผู้ซึ่งสามารถพูดภาษามนุษย์ได้รวมทั้งยังเป็นหมอที่เก่งกาจ นิโค โรบิน สาวนักโบราณคดีผู้ลึกลับ ผู้เดียวที่จะไขความลับของรีลโพเนกลีฟ แฟรงกี้ มนุษย์กึ่งไซบอร์ก ผู้เป็นศิษย์ของช่างต่อเรือที่เก่งที่สุดในโลก บรู๊ค นักดาบและนักดนตรีที่ฟื้นขึ้นมาจากความตาย อีกทั้งเป็นผู้ที่เคยสัญญากับ ลาบูน ที่ปากทางเข้าแกรนไลน์ รวมทั้งเพื่อนคนอื่นๆ ที่ต้องเจอในอนาคต
พวกลูฟี่ได้เดินทางมาถึงวอเตอร์เซเว่น เกาะต่อเรือของแกรนไลน์ และได้แฟรงกี้มาเป็นพวก เรือลำใหม่เทาซั่นซันนี่ มารับช่วงต่อโกอิ้งแมรี่พาพวกลูฟี่ เดินทางตามล็อกของเกาะวอเตอร์เซเว่นไปยังเกาะเงือก พวกลูฟี่เข้ามาในทะเลหมอกหรือ ที่คนแถบนั้นเรียก "ฟลอเรี่ยน ไทรแองเกิ้ล" ไม่ทันไร ก็ต้องเจอกับกลลวงให้ต้องติดกับของหนึ่งในเจ็ดเทพโจรสลัด เก็กโค่ โมเรีย ผู้มีพลังจากผลปิศาจสามารถควบคุมเงาได้ ภายในทริลเลอร์ บาร์คพวกลูฟี่ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพซอมบี้ และเหล่าเจเนรัลซอมบี้ การต่อสู้เป็นไปอย่างทุลักทุเล เพราะโมเรียไม่ค่อยต่อสู้ซึ่งๆหน้า จนลูฟี่ โซโล ซันจิ ต้องสูญเสียเงาของตนเองให้กับโมเรีย พวกลูฟี่ต่างดิ้นรนเพื่อช่วงชิงเงากลับคืนมาก่อนเวลาฟ้าสาง ไม่แค่นั้น โมเรียยังปลุก ออซ ซอมบี้บิ๊กเบิ้มที่ได้เงาของลูฟี่ไป พวกลูฟี่และเหล่าซอมบี้ที่แค้นโมเรียที่ชิงเงาไปได้ร่วมกันต่อสู้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจนได้รับชัยชนะ ขณะเดียวกันนั้น ทางรัฐบาลโลกสั่งการมายัง บาโซโลมิว คุมะ หนึ่งในเจ็ดเทพโจรสลัด มาสะสางเพื่อมิให้เรื่องการสูญเสียโมเรียแพร่งพรายออกไปสู่ภายนอก รัฐบาลโลกสั่งจับตายพวกลูฟี่ทุกคน แต่ด้วยมิตรภาพที่โซโลได้ให้กับลูฟี่ รับการโจมตีจากคุมะเพียงคนเดียว คุมะจึงขัดคำสั่งรัฐบาลโลก โดยการปล่อยพวกลูฟี่ไป พวกลูฟี่จึงพ้นวิบัติภัยอีกครั้ง และยังได้สมาชิกคนล่าสุด บรู๊ค มาเป็นพวกพ้องอีกคน
เมื่อจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย เรือเทาซั่นซันนี่ก็ออกเดินทางไปยังเกาะเงือก เมื่อพ้นทะเลหมอกมาก็พบกับ"เรดไลน์" จู่ๆ ก็มีเงือกสาวชื่อ เคย์มี่ มากับคู่หูปลาดาวชื่อ แป๊ปเป๊ก พุ่งขึ้นมาจากก้นทะเลเพราะถูกปลายักษ์กินเข้าไปแถมยังบอกเรื่องที่ว่าจะทำทาโกยากิ ให้กินอีกด้วย แต่ก็ต้องชะงักเพราะงานเข้า เมื่อเพื่อนของเคย์มี่ที่ใช้แมลงโทรสารเข้ามา บอกว่าถูกจับตัวไปโดยกลุ่มโจรสลัดมาคุโระ จับใจความได้ว่าพวกมาคุโระมีงานอดิเรกคือเป็นโจรเรียกค่าไถ่ โดยขอแลกกับตัวเคย์มี่ ซึ่งเพื่อนคนที่พูดถึงก็คือ เฮคชิน หรือ ฮัจจัง (อดีตเสนาธิการของกลุ่มอารอน) พวกลูฟี่ตัดสินใจช่วยเพราะยังไม่รู้ว่าเฮคชินคือใคร ทันใดนั้นเองกลุ่มปลาบินนักซิ่ง นักสู้ของโจรสลัดมาคุโระก็โผล่มาโจมตีเรือซันนี่ แล้วกลับไปรายงานต่อหัวหน้าโจรสลัดชื่อ ดิวบัล ฉายาหน้ากากเหล็กดิวบัล เมื่อพวกลูฟี่เดินทางมาถึงรังของดิลบัลก็เกิดการปะทะกันขึ้นและก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้พวกลูฟี่ช่วยฮัจจังไว้ได้และพวกดิวบัลก็ไม่ใช่คู่มือของพวกลูฟี่เลย จนหัวหน้าใหญ่ต้องออกโรงเองดิวบัลปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความตื่นตะลึงของพวกลูฟี่ ”ความจริงปรากฏขึ้นแล้ว” โลกนี้มันช่างกว้างใหญ่จริงๆเพราะว่าหน้าตาของเดบิลนั้นเหนือนซันจิเเบบในใบประกาศจับ(เละๆอะคับ)จากนั้นเม่อซันจิออกว่าสู้กับเดบิลเเละใช้ท่าศัลยากรรมใหม่ทำหน้าตาของเดบิลให้ดูดีขึ้นหลังจากนั้นลูฟี่ที่ไปถึงเรดไลน์นั้นต้องเจอเกาะฟองน้ำซึ่งมีโจรสลัดที่เก่งกว่าลูฟี่อยู่มากเเละมีค่าหัวร้อยล้านขึ้นเท่านั้นอย่าง เบซิลล์ ฮอกล์กิ้น249ล้านเบรี เอสตัน กัปตันคิด315ล้านเบรี เอ็กซ์ เดรก 222ล้านเบรี อูโรจ 108เบรี ทราฟฟาก้า ลอล 200ล้านเบรี
การเดินทางที่เปี่ยมไปด้วยมิตรภาพ ความเป็นพวกพ้อง การต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ และต้องพานพบคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว เหตุการณ์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ยังมิอาจคาดเดาได้
Character
มังกี้ ดี ลูฟี่
พระเอกของเรื่อง และกัปตันกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าแห่งโจรสลัด พลังความมุ่งมั่นสูง เมื่อตั้งใจแล้วต้องทำให้ได้ ปกติเป็นกัปตันที่ไม่ค่อยจะเต็ม แต่ก็พึ่งพาได้ รักเพื่อนพ้องที่สุด ซึ่งไม่ว่าจะเป็นยังไง ก็จะต้องช่วยเพื่อนไว้ให้ได้ (ได้กินผลโกมุโกมุ(พารามิเซีย)หรือผลยางยืดเข้าไป ทำให้ร่างกายยืนหยุ่นได้เหมือนยาง ถึงแม้ความสามารถไม่โดดเด่นแต่สามารถนำทักษะมาร่วมกับพลังใจที่มุ่งมั่นและความสามารถ ทำให้ดึงพลังในการต่อสู้ได้สูงมาก ) ค่าหัวล่าสุดหลังจากเหตุการณ์ที่เกาะเอนิเอส ลอบบี้คือ 300 ล้านเบรี ได้รับฉายาว่า "หมวกฟางลูฟี่"


โรโรโนอา โซโล
นักดาบ 3 ดาบ เคยเป็นนักล่าโจรสลัดมาก่อนที่จะร่วมกับลูฟี่ มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักดาบอันดับหนึ่งของโลก ชอบนอนหลับและดื่มเหล้าที่สุด ค่าหัวล่าสุด 120 ล้านเบรี ได้รับฉายาว่า "นักล่าโจรสลัดโซโล"


นามิ
สาวต้นหนประจำเรือที่มีพรสวรรค์ในการอ่านแผนที่ ก่อนจะมาอยู่กับลูฟี่ นามิทำงานให้กับโจรสลัดกลุ่มเงือกโดยถูกหลอกให้หาเงินและเขียนแผนที่ เพื่อที่ปกป้องประชาชนและหมู่บ้านของตนไว้จากการปกครองแบบเผด็จการและข่มขี่ ได้ลูฟี่ช่วยเหลือและชักชวนมาเข้ากลุ่ม อุซบเป็นผู้ประดิษฐ์อาวุธให้โดยตอนแรกจะสร้างไว้เพื่อแสดงในงานเลี้ยง แต่ภายหลังได้ไดอัลมาจากเกาะแห่งท้องฟ้า อุซปจึงพัฒนาอาวุธนี้ ให้ก้าวหน้าและนำมาใช้โดยเวลาต่อสู้นามิจะสามารถสร้าง และควบคุมสภาพอากาศทางธรรมชาติ และดึงพลังทางธรรมชาติออกมาใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว มีความใฝ่ฝันคือเขียนแผนที่รอบโลก ค่าหัว 16 ล้านเบรี ได้รับฉายาว่า "แมวขโมย นามิ"


อุซป
นักแม่นปืนประจำเรือ ฝีมือยิงปืนสูงพอๆกับฝีมือการโกหก มีนิสัยขี้ขลาด แต่เมื่อใดที่เพื่อนโดนดูถูกหรือต้องการความช่วยเหลือ เขาก็ยินดีเอาชีวิตเข้าเสี่ยง พ่อของอุซบชื่อ "ยาซบ"เป็นลูกเรือของกลุ่มโจรสลัดแชงคูส "ผมแดง" ที่เมืองวอเตอร์เซเว่นอุซปได้ทะเลาะกับลูฟีเรื่องการซื้อเรือใหม่แต่อุซปไม่เห็นด้วยจึงขอแยกออกจากกลุ่ม แต่ตอนหลังได้กลับมาช่วยลูฟี่ จึงใส่หน้ากากปลอมตัว(ในนามของโซเง คิง) 30 ล้านเบรี ได้รับฉายาว่า "เจ้าแห่งการซุ่มยิง โซเงคิง"


ซันจิ
พ่อครัวประจำเรือ ใช้ขาทั้งสองในการต่อสู้ ไม่นิยมใช้มือต่อสู้เพราะถือว่า ใช้มือในการปรุงอาหารเท่านั้น โดยใช้ท่าในการต่อสู้จากเพลงเตะ แทบทั้งสิ้น โดยชื่อท่าจะดัดแปลงมาจากชื่ออาหาร มีความใฝ่ฝันในการตามหาออลบลู นิสัยบ้าสาวๆหน้าตาดี โดยเฉพาะนามิ และโรบิน ค่าหัว 77 ล้านเบรี ได้รับฉายาว่า "ขาดำ ซันจิ" (รูปบนใบค่าหัวนั้นเป็นเพียงรูปสเก็ตเนื่องจากทางทหารเรือไม่สามารถเก็บภาพของซันจิได้เพราะคนที่แอบถ่ายรูปนั้นไม่ได้เปิดฝาของกล้องถ่ายรูปทำให้ไม่สามารถถ่ายภาพได้)


โทนี่ โทนี่ ช็อปเปอร์
หมอประจำเรือ ในอดีตนั้นเป็นกวาง แต่ได้กินผลฮิโตะฮิโตะ(ผลมนุษย์) เข้าไปทำให้สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ (แต่ไม่ค่อยเหมือน) ทั้งยังพูดภาษามนุษย์ได้ จึงโดนตั้งข้อรังเกียจจากเผ่าพันธุ์ของตน ต่อมาได้อยู่ร่วมกับมนุษย์ คือหมอกำมะลอ ฮิลรุค (ผู้ที่ร่วมชะตากรรมโดนสังคมรังเกียจเช่นกัน) ฮิลรุคผู้ซึ่งจงรักภักดีต่ออาณาจักรดรัมยิ่งกว่าสิ่งใด ก่อนตัวตายได้ฝากฝังช็อปเปอร์ ไว้กับเพื่อนสนิท ดอกเตอร์ คุเรฮะ ช็อปเปอร์จึงได้รับการถ่ายทอดวิชาการแพทย์ จนสามารถคิดค้นเม็ดยาชนิดพิเศษ "รัมเบิ้ลบอล" ที่ทำให้ลำดับการแปลงกายปั่นป่วนจนสามารถทำให้แปลงกายได้ถึง 8 ขั้น ค่าหัว 50 เบรี ได้รับฉายาว่า "ผู้ชื่นชอบขนมหวาน ช็อปเปอร์"


นิโค โรบิน
สาวนักโบราณคดี ผู้มีชีวิตเหลือรอดคนเดียวจากเกาะแห่งนักประวัติศาสตร์และนักวิชาการ "โอฮาร่า" มีความสามารถอ่านภาษาโบราณได้ พยายามตามหาโพเนกลีฟที่แท้จริง ตามรอยมารดา นิโค โอลเวีย ในวัยเด็กโรบินกินผลฮานะฮานะ(พารามิเซีย)เข้าไป ทำให้สามารถแตกหน่ออวัยวะในร่างกายได้ทุกที่ที่โรบินสามารถมองเห็นได้ ถูกตั้งค่าหัวตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ค่าหัว 79 ล้านเบรี ได้รับฉายาว่า "ลูกปีศาจ นิโคโรบิน" ค่าหัวล่าสุด 80 ล้านเบรี


แฟรงกี้
หรืออีกชื่อหนึ่งคือ คาติฟูแลม เป็นนักแยกชิ้นส่วนเรือ อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าพวกแก๊งโฉดในเมืองวอเตอร์เซเว่น ในใจลึกๆแล้วแฟรงกี้ทำเพื่อปกป้องเมืองที่ตนรักเท่านั้น แฟรงกี้มีอดีตอันเจ็บปวดที่เกิดกับผู้มีพระคุณของเขา ปัจจุบันเป็นช่างซ่อมเรือประจำกลุ่ม ค่าหัว 44 ล้านเบรี ได้รับฉายาว่า "ไซบอร์ก แฟรงกี้"


บรู๊ค
สมาชิกคนล่าสุดของกลุ่มกินผลโยมิโยมิ (คืนชีพ) เป็นนักดาบและนักดนตรี ลักษณะที่เห็นได้ชัด คือ มีรูปร่างเป็นโครงกระดูก มีค่าหัว 33 ล้านเบรี


แชงคูส
ฉายาผมแดง เป็นผู้มอบหมวกฟางให้ลูฟี่ และช่วยเหลือลูฟี่จากการที่กำลังจะโดนสัตว์ประหลาดในทะเลทำร้าย จนเป็นเหตุให้แขนขาดไปข้างหนึ่ง เป็น 1 ใน 4 จักรพรรดิในครึ่งหลังของแกรนด์ไลน์และยังรู้จักกับหนวดขาว ยังไม่ปรากฏว่ากินผลปิศาจหรือไม่

Eyeshield21

อายชีลด์ 21 ไอ้หนูไต้ฝุ่นมะกันบอล (Eyeshield 21)

เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นแต่งเรื่องโดย ริอิจิโร อินะงะกิ และวาดภาพโดย ยุซุเกะ มุระตะ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับกีฬาอเมริกันฟุตบอล เปิดตัวในรูปแบบภาพยนตร์ในงานจั๊มป์เฟสต้า 2004 และถูกทำเป็นแอนิเมชันในปี ค.ศ. 2005
เบื้องต้นการ์ตูนเรื่องนี้ได้ถูกตีพิมพ์ในนิตยาสารวีคลี่ โชเน็น จั๊มป์ของสำนักพิมพ์ชูเอฉะ โดยมียอดจำหน่ายมากกว่า 16 ล้านเล่มในประเทศญี่ปุ่น และเมื่อแอนิเมชันเรื่องนี้ได้ฉายไปทำให้เกิดกระแสเด็กมัธยมในประเทศญี่ปุ่นหันมาเล่นกีฬาอเมริกันฟุตบอลมากขึ้นเท่าตัว โดยในประเทศไทยได้ถูกตีพิมพ์ในนิตยสารบูมของบริษัทเนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ในเครือเนชั่น




แอนิเมชันเรื่องนี้ได้เริ่มแพร่ภาพช่องทีวีโตเกียวตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2548 จนถึงวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2551 รวมทั้งสิ้น 145 ตอน โดยมีผู้สนับสนุนหลักของภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องนี้คือ เอ็นเอฟแอล เจแปนของประเทศญี่ปุ่น ในประเทศไทยได้แพร่ภาพทางช่องทรูสปาร์คของทรูวิชั่นส์ ปัจจุบันได้ฉายจบปี 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เนื้อเรื่องของการ์ตูนเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ โคบายาคาวา เซนะ เด็กนักเรียนมัธยมปลายปีหนึ่งของโรงเรียนเดมอน มีนิสัยขี้แหย อ่อนแอ ไม่กล้าขัดใจคนอื่น ความทรงจำตั้งแต่เด็กคือการเป็นลูกน้องของเด็กๆในวัยเดียวกันมาตลอด ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา เซนะถูกใช้ให้ไปซื้อของ ใช้ให้ถือของไปส่ง จนกลายเป็นว่าเขาได้พัฒนาการวิ่งของตนเองจนเข้าขั้นนักวิ่งแข้งทองโดยที่แม้แต่ตนเองก็ยังไม่รู้ มีเพียง ฮิรุม่า โยอิจิ ประธานชมรมอเมริกันฟุตบอลผู้ชั่วร้ายได้ไปเจอเข้าและจัดการลักพาตัวเซนะมาแต่งองค์ทรงเครื่องซะใหม่ในชุดเบอร์ 21 และสวมอายชิลด์ (กระบังตา) ปลอมตัวให้เสร็จสรรพ และตั้งชื่อ "อายชิลด์ 21" เด็กนักเรียนสุดอ่อนแอจึงได้กลายเป็นฮีโร่ของอเมริกันฟุตบอลในเวลาต่อมาในตำแหน่งรันนิ่งแบ็ค
ในช่วงแรกเซนะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนในทีมในฐานะผู้ดูแลทีมอเมริกันฟุตบอลโรงเรียนเดมอนสลับกับการเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล โดยเริ่มแข่งครั้งแรกในการแข่งขันในฤดูใบไม้ผลิ โดยหวังว่าจะเป็นอาวุธลับของทีม แต่สุดท้ายก็มาเจอทีมแกร่งอย่างโอโจไวท์ไนท์ที่พ้นยุคทองของทีมไปแล้ว แต่ก็ยังมีการพัฒนาฝีมืออย่างไม่หยุดนิ่ง และนั่นเป็นครั้งแรกที่เซนะได้พบกับไลน์แบ็คเกอร์ที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์อย่าง ชิน เซย์จูโร่ โดยผลการแข่งขันทีมโรงเรียนเดมอนพ่ายแพ้ไปในที่สุด
หลังจากพ่ายแพ้ไปในการแข่งขันฤดูใบไม้ผลิไปแล้วทีมโรงเรียนเดมอนได้เตรียมตัวเพื่อแข่งขันในฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นการแข่งขันที่สำคัญที่สุดเพราะทีมที่ชนะจะได้ไปแข่งขันในศึก "คริสมาสต์โบลว์" กับทีมที่ชนะในเขตคันไซ ฮิรุม่า คุริตะ และเซนะได้ค่อยๆสร้างทีมเดมอนทีละเล็กละน้อย โดยมีรีซีฟเวอร์อย่าง ไรมอน ทาโร่ หรือมอนตะ อดีตนักกีฬาเบสบอลที่ถนัดแค่การรับลูกเพียงอย่างเดียว คิกเกอร์ที่ก่อตั้งมากับพวกฮิรุม่าอย่าง ทาคาคุระ เก็น หรือ มุซาชิ ไลน์อย่างสามพี่น้อง หา หาประกอบด้วย จูมอนจิ คาซึกิ, คุโรกิ โคจิ และโทงาโน่ โชโซ กับ โคมุซึบิ ไดคิจิ ที่มาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของคุริตะ ยูคิมิสึ มานาบุ ที่ไม่เก่งกีฬาแต่ถนัดเรื่องการวางแผนและการมองแผนการเล่นของฝ่ายตรงข้าม ทาคิ นัตสึฮิโกะ ที่เป็นตัวไทเอนด์ พร้อมกับน้องสาวอย่าง ทาคิ สึซึนะ ที่เป็นกัปตันเชียร์ลีดเดอร์ของทีม รวมทั้งอิชิมารุ เท็ตสึโอะที่ควบสองชมรม และนอกจากนี้ยังมีตัวช่วยจากชมรมบาสที่ถูกฮิรุม่าข่มขู่มาอย่าง ยามาโอกะ เคนตะ กับ ซาทาเกะ โยเฮ และจากชมรมซูโม่อย่าง โอมาซาดาเกะ ฟูโตชิ และมีเทรนเนอร์ที่เคยเป็นอาจารย์ของพวกฮิรุม่าสมัยมัธยมต้นอย่าง โดบุโรคุ ซาคากิ รวมทั้งผู้จัดการทีม อาเนซาคิ มาโมริ ที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเซนะที่แก่กว่าเซนะหนึ่งปี

แนวคิดของตัวละครสำคัญๆ ที่มีปรากฎในเรื่อง
ในที่นี้ จะกล่าวถึงเฉพาะตัวละครสำคัญๆ ที่มีแนวคิดสำหรับการเล่นกีฬาที่โดดเด่น
ทีมDemon
โคบายาคาว่า เซนะ(Eye shield 21) : ตำแหน่งรันนิ่งแบค หลังจากพ่ายแพ้ไปในการแข่งขันฤดูใบไม้ผลิไปแล้ว เซนะก็เพิ่งจะรู้สึกตัวเป็นครั้งแรกว่าตนเองเสียใจมากขนาดไหน โดยพูดกับตัวเองว่า “ถ้าชนะ ทีมเราก็คงยังได้แข่งต่อในสนาม” จากจุดนี้เอง เป็นจุดหักเหของความฝันและช่วงชีวิตของเซนะ ที่มุ่งมั่นจะเล่นอเมริกันฟุตบอลอย่างจริงจัง โดยเริ่มสนุกสนานที่ได้เล่น และมุ่งมั่งที่จะฝึกซ้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ชนะการแข่งขัน เพราะตนตระหนักได้แล้วว่า ความสำเร็จมาจากชัยชนะ และชัยชนะนั้นสำคัญเช่นไร

ฮิรม่าโยอิจิ : กัปตันทีมของชมรมอเมริกันฟุตบอลโรงเรียนเดมอน ตำแหน่งควอเตอร์แบค มีความฉลาดหลักแหลมมากดุจปีศาจ มักจะพูดอยู่เสมอๆ ว่า “ไม่ว่าคนเราจะทำอะไร ถ้าแพ้ มันก็จบ” เขามักจะพูดเช่นนี้กับลูกทีมของเขาเป็นประจำ ทำให้ทุกคนตระหนักในชัยชนะ และไม่ถอดใจที่จะต่อสู้กับคู่แข่งในสนาม แม้ว่า คนพวกนั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด
จูมอนจิ คาซึกิ : หัวหน้าของกลุ่ม 3 พี่น้องหาหา ที่เล่นตำแหน่งไลน์ด้วยกัน เดิมเป็นหัวโจกประจำโรงเรียนคอยก่อเรื่องวุ่นวาย คนรอบข้างคอยดูถูกว่าเป็นสวะ เมื่อมาเล่นอเมริกันฟุตบอล จึงต้องการพิสูจน์ตัวเองและลบคำสบประมาทดังกล่าว โดยพูดว่าจะไม่ให้ใครมาว่าได้อีก จึงมุ่งฝึกซ้อมเพื่อพาทีมให้ชนะให้ได้มากที่สุด

ยูคิมิตสึ มานาบุ : ตลอดช่วงชีวิตไม่เคยทำกิจกรรมชมรม หรือเล่นกีฬาใดๆทั้งสิ้น จนกระทั่งได้ดูการแข่งขันของโรงเรียนเดมอน และได้เห็น Eyeshield 21วิ่ง จึงทำให้คิดได้ว่า คนอื่นแม้สภาพร่างกายจะไม่เหมาะสม(เพราะEyeshield ตัวเตี้ย)แต่เขาก็ไม่ถ้อแท้ จึงกลับมาคิดได้ว่าที่ตนไม่เล่นกีฬานั้น เพราะทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำ จึงตัดสินใจเข้าร่วมทีม ถึงแม้ว่าร่างกายจะไม่พร้อม แต่ก็มุ่งมั่นฝึกฝนร่วมกับทุกคนในทีม จนในเวลาต่อมา ได้เป็นผู้เล่นคนสำคัญที่เป็นมันสมองหลักให้ทีมคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาระหว่างฝึกเขาจะพบความสิ้นหวังมาบ้าง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ เขาเป็นคนหนึ่งที่ได้พิสูจน์ แล้วว่า การไม่ยอมแพ้ คือหนทางสู่ความสำเร็จ

ทีมโอโจ
ชิน เซย์จูโร่ :ผู้เล่นMVPของโตเกียวอัจฉริยะผู้มุมานะ เพอเฟ็คท์เพลเยอร์ ที่ใคร ๆก็ทาบไม่ติด ตำแหน่งไลน์แบ็คเกอร์ในทีมโอโจไวท์ไนท์ ตามติดมาด้วยอาวุธสุดแกร่งอย่าง"ไทรเดนต์ แทคเกิ้ล"ที่ใคร ๆก็หวั่นในความรุนแรงของมัน แต่ก็ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับ"อายชีลด์ 21"จึงมุฝึกมาตลอดเพื่อคว้าชัยชนะจากศึกรันเนอร์ความเร็วแสง ชินเป็นคนที่ยิ่งเจอเป้าหมายแล้ว จะมุมานะเพื่อให้ตัวเองเก่งขึ้นมากกว่าเป้าหมาย โดยมักจะโทษตัวเองเมื่อเล่นได้ไม่ดีว่า "เพราะว่าตัวเราย่อหย่อนเกินไป" และจะฝึกฝนหนักกว่าเดิมเป็นเท่าตัว เพื่อพิชิตเป้าหมายให้ได้

ซากุราบะ ฮารุโตะ :รีซีฟเวอร์ทีมโอโจ ไวท์ไนท์ ที่มีความสูงเป็นอาวุธ เป็นคนเดียวในทีมที่เอาตัวไปทาบรัศมีกับชิน อัจฉริยะของทีม เป็นดาราที่สาว ๆกรี๊ด และถูกยกย่องว่าเป็นมือหนึ่งของทีมเสมอ ทำให้ตัวเขาเองรู้สึกไม่สบายใจ เพราะในตอนแรกตัวเขานั้นไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย และรู้สึกสมเพชตัวเองอยู่เล็กน้อย เพราะเขาเคยฝันว่าจะเป็นมือหนึ่งของทีมให้ได้ แต่ก็ทาบชินไม่ติด แต่เขาก็ลุกขึ้นและฝึกหนักต่อไป พร้อมกับทำใจแล้วว่า เขาอาจจะไม่ได้เป็นมือหนึ่ง แต่ก็สาบานว่าจะก้าวตามมือหนึ่งไปให้ไกลที่สุด ไม่ยอมทิ้งความฝันว่าจะเป็นมือหนึ่งลง พยายามให้ตัวเองได้เป็นมือหนึ่งของทีม เป็นบุคคลที่มีจิตใจเข้มแข็งอีกคนหนึ่งในทีมนี้




ตำแหน่งการเล่นในอเมริกันฟุตบอล

ทีมรุก (11คน)
ไลน์แมน (5คน) : ทำหน้าที่บล็อกฝ่ายตรงข้าม
ควอเตอร์แบค (1คน) : ตัวขว้างลูก ศูนย์กลางของทีม
รีซีฟเวอร์ (2คน) : ตัวรับลูก
รันนิ่งแบค (2คน) : ตัวพาลูกวิ่ง
ไทท์เอ็นด์ (1คน) : ทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะรับ บล็อก หรือส่ง

ทีมรับ (11คน)
ไลน์แมน (4คน) : บล็อกฝ่ายตรงข้าม
เซฟตี้ (2คน) : เป็นตัวป้องกันการวิ่งของฝ่ายตรงข้าม
คอนเนอร์แบค (2คน) : ตัวป้องกันการส่งลูก
ไลน์แบคเกอร์ (3คน) : ตัวป้องกันทั้งส่งลูกและพาลูกวิ่ง

ตัวเล่นพิเศษ
คิกเกอร์ : เป็นผู้เล่นที่ทำหน้าที่เตะฟิลด์โกล เตะ TFP(Try For Point : โบนัสเกมหลังทัชดาวน์)เเละเตะPUNT(เตะเปลี่ยนฝั่ง)